ก่อนการแข่งขัน ของ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 นัดชิงชนะเลิศ

กรรมการผู้ตัดสิน

ผู้ตัดสินชาวดัตช์ บีเยิร์น เกยเปิร์ส ได้รับเลือกเป็นผู้ตัดสินในนัดชิงชนะเลิศ

วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 คณะกรรมการผู้ตัดสินยูฟ่าประกาศว่าผู้ตัดสินชาวดัตช์อายุ 48 ปีอย่างบีเยิร์น เกยเปิร์สจากราชสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ จะทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินหลักในนัดชิงชนะเลิศ เขาจะทำหน้าที่ร่วมกับเพื่อนร่วมชาติอีกสามคน ได้แก่ ซันเดอร์ ฟัน รุเกิลและแอร์วิน ไซน์สตรา ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ตัดสิน และโปล ฟัน บุเกิลซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ การ์โลส เดล เซร์โร กรันเดจากสเปน ได้รับเลือกเป็นผู้ตัดสินที่สี่ นอกจากนี้ เพื่อนร่วมชาติของเขาอย่างฆวน การ์โลส ยุสเต ฆิเมเนซได้รับเลือกเป็นผู้ช่วยตัดสินสำรอง บัสทีอัน ดังเคิร์ทจากเยอรมนี รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอประจำนัดนี้ พร้อมผู้ช่วยจากชาติเดียวกันอย่างคริสทีอัน กิทเทิลมันและมาร์โค ฟริทซ์ นี่เป็นนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่มีการนำเทคโนโลยีนี้มาช่วยในการตัดสิน[2]

เกยเปิร์สทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินของฟีฟ่ามาตั้งแต่ ค.ศ. 2006 เขาเป็นผู้ตัดสินชาวดัตช์คนแรกที่ได้ทำหน้าที่ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป และได้ทำหน้าที่ในรายการแข่งขันใหญ่เป็นครั้งที่ห้า ต่อจากฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 2012 และ 2016 และฟุตบอลโลกในปี 2014 และ 2018 ก่อนหน้านี้ในทัวร์นาเมนต์ เขาทำหน้าที่ในสองนัดของรอบแบ่งกลุ่ม (เดนมาร์พบเบลเยียม และ สโลวาเกียพบสเปน) และอีกหนึ่งนัดในรอบก่อนรองชนะเลิศ (เช็กเกียพบเดนมาร์ก) เกยเปิร์สทำหน้าที่ตัดสินในนัดชิงชนะเลิศของการแข่งขันระหว่างประเทศเป็นครั้งที่ 9 โดนก่อนหน้านี้เคยตัดสินในนัดชิงชนะเลิศของการแข่งขันระดับเยาวชนของยูฟ่า เช่นเดียวกันกับนัดชิงชนะเลิศของฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2013–14, ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี 2017 และยูฟ่ายูโรปาลีก 2017–18[2] ส่วนการแข่งขันภายในประเทศ เขาเคยตัดสินในนัดชิงชนะเลิสเคเอ็นวีบีคัพในปี 2013, 2016, 2018 และ 2021 และโยฮัน ไกรฟฟ์ชีลด์ในปี 2009 และ 2012 นัดชิงชนะเลิศนี้จะเป็นครั้งที่สี่ของเกยเปิร์สที่ตัดสินในนัดที่อิตาลีลงแข่งขัน (ชนะ 1 ครั้ง, เสมอ 1 ครั้งและแพ้ 2 ครั้ง) และเป็นครั้งที่สามที่ตัดสินในนัดที่อังกฤษลงแข่งขัน (ชนะ 2 ครั้งและแพ้ 1 ครั้ง) เขาเคยทำหน้าที่ในนัดที่ทั้งคู่เคยพบกันในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งอิตาลีเอาชนะไปได้ 2–1[56]

การเลือกทีม

อิตาลีมีผู้เล่นครบสมบูรณ์เกือบทุกคนยกเว้นกองหลังอย่างเลโอนาร์โด สปีนัซโซลาที่ได้รับบาดเจ็บในรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับเบลเยียม อาเลสซันโดร โฟลเรนซี แบ็คขวาที่ได้รับบาดเจ็บในนัดเปิดสนามของทัวร์นาเมนต์ ฟื้นฟูร่างกายได้ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศแต่เสียตำแหน่งตัวจริงให้กับโจวันนี ดี โลเรนโซ[57][58] ส่วนอังกฤษจะไม่มีฟิล โฟเดน กองกลางที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่เท้าและพลาดการซ้อมช่วงสุดท้ายในวันที่ 10 กรกฎาคม เขาได้รับการประเมินจากทีมแพทย์ของอังกฤษเพื่อดูว่าเขาจะสามารถลงเล่นได้หรือไม่[59]

อิตาลียังคงไม่ปรับเปลี่ยนแผนจากรอบรองชนะเลิศที่พบกับสเปน ซึ่งพวกเขาเลือกใช้ระบบ 4–3–3 ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ แกเร็ท เซาท์เกตเปลี่ยนผู้เล่นหนึ่งตำแหน่งจากรอบรองชนะเลิศที่ชนะเดนมาร์ก โดยเปลี่ยนคีแรน ทริปเปียร์ลงเล่นแทนบูกาโย ซากา เซาท์เกตยังปรับเปลี่ยนแผนการเล่นจากเดิมที่เคยใช้ระบบ 4–2–3–1 ในหลายนัดที่ผ่านมา เปลี่ยนไปใช้ระบบ 3–4–3 คล้ายที่กับที่เคยใช้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับเยอรมนี ซึ่งทริปเปียร์กับลู้ก ชอว์ลงเล่นในตำแหน่งวิงแบ็ก[60][61]

ความวุ่นวายในฝูงชน

ประธานาธิบดีอิตาลี แซร์โจ มัตตาเรลลา เข้าชมเกมนัดชิงชนะเลิศ

แฟนบอลอังกฤษหลายพันคนออกมารวมตัวกันที่สนามกีฬาเวมบลีย์ตลอดช่วงเช้าและบ่าย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกมาเตือนว่าใครที่ไม่มีบัตรเข้าชมเกมไม่ต้องมาที่นี่[62] อย่างไรก็ตาม สองชั่วโมงก่อนเริ่มการแข่งขัน มีกลุ่มแฟนบอลที่ไม่มีบัตรต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะเข้าไปข้างในสนาม[63][64] โดยในกลุ่มนี้ มี 400 คนที่ฝ่ารั้วกั้นเข้าไปได้ ส่วนอีก 104 คนโดนกักตัวอยู่ข้างนอก[65] มีฝูงชนขนาดใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งไปรวมตัวกันที่จัตุรัสเลสเตอร์ในเซ็นทรัลลอนดอนเพื่อขว้างปาขวดน้ำและวัตถุต่าง ๆ ในขณะที่กลุ่มแฟนบอลที่มีบัตรไปรวมตัวกันที่จัตุรัสทราฟัลการ์[66] ผลจากความวุ่นวายนี้ มีแฟนบอลถูกตำรวจจับกุม 86 คน โดย 53 คนในกลุ่มนั้นเป็นพวกที่ก่อความวุ่นวายที่เวมบลีย์ ไม่ว่าจะเป็นการแซงคิว ทำร้ายร่างกาย ดื่มสุราหรือก่ออาชญากรรม[67][68][69] มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 19 คน หนึ่งในนั้นฟันหัก ส่วนอีกคนบาดเจ็บที่มือ[65][70] พ่อของแฮร์รี แมไกวร์ก็พลอยโดนลูกหลงจากความวุ่นวายนี้จนได้รับบาดเจ็บที่กระดูกซี่โครง[71]

วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 หรือหนึ่งวันหลังนัดชิงชนะเลิศ สมาคมฟุตบอลประกาศว่าจะพิจารณาเรื่องที่แฟนบอลที่ไม่มีบัตรเข้าชมบุกเข้าไปในสนาม[72]

วันที่ 16 กรกฎาคม มีผู้ชายสองคนถูกจับกุมด้วยข้อหาขโมยสิ่งของบางอย่างจนเป็นเหตุให้พวกที่ไม่มีบัตรบุกรุกเข้าไปในสนามได้[73]

พิธีปิด

ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม มีพิธีปิดที่จัดขึ้นโดยยูฟ่า ซึ่งเริ่มต้นเมื่อเวลา 19:45 น.[74][75] มีการแสดงภาพจำลองของถ้วยรางวัล Henri Delaunay บนพื้นสนามและมีการจุดดอกไม้ไฟ[76] เหล่าทหารที่สวมหมวกแบร์สกินเป่าทรัมเป็ต เรดแอร์โรว์สแสดงโชว์เครื่องบินเหนือสนามกีฬาเวมบลีย์เพื่อแสดงถึงการสนับสนุนทีมชาติอังกฤษ ก่อนที่จะมีนักเต้นขึ้นมาแสดงเพื่อประกอบเพลงของดีเจชาวดัตช์อย่างมาร์ติน แกร์ริกซ์[77][78]

รายการเพลงของมาร์ติน แกร์ริกซ์[79]

เพลงชาติของแต่ละประเทศถูกเปิดก่อนเริ่มการแข่งขัน แฟนบอลอังกฤษหลายคนส่งเสียงโห่ตอนที่มีการเล่นเพลงชาติอิตาลี อย่างไรก็ดี ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ แกเร็ท เซาท์เกต และผู้เล่นทีมชาติอังกฤษไม่ทำเช่นนั้น[80] ลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันถูกส่งโดยรถที่ควบคุมด้วยรีโมตซึ่งจำลองจากรถรุ่น Volkswagen ID.4 รถคันนี้ตกแต่งด้วยสีรุ้งเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนสิทธิของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ[81] ผู้เล่นทั้งสองทีมคุกเข่าก่อนเริ่มการแข่งขัน ซึ่งอังกฤษเองได้ทำการคุกเข่าแบบนี้มาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์[82]

บุคคลที่มีชื่อเสียง

บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนเข้าชมเกมบนที่นั่งรับรองพิเศษ

การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศนี้มีผู้ชมที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียงหลายคน อาทิ ประธานาธิบดีอิตาลี แซร์โจ มัตตาเรลลา,[83] นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน,[84] ซารา ทินดัลล์และไมค์ ทินดัลล์,[85] เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์, แคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์และเจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลในวงการบันเทิง อาทิ ทอม ครูซและเคต มอส เช่นเดียวกันกับอดีตนักฟุตบอลอย่างเดวิด เบคแคม, แจฟ เฮิร์ส และฟาบีโอ กาเปลโล[86]

ใกล้เคียง

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบคัดเลือก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบแพ้คัดออก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบแพ้คัดออก

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 นัดชิงชนะเลิศ http://origin1904-p.cxm.fifa.com/fifa-world-rankin... http://www.rsssf.com/tablesi/ital-intres.html http://www.uefa.com/newsfiles/euro/2020/2024491_fr... http://www.uefa.com/newsfiles/euro/2020/2024491_lu... //www.worldcat.org/issn/0140-0460 http://news.bbc.co.uk/1/hi/england/2735143.stm http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/world_cup... https://www.11v11.com/teams/england/tab/opposingTe... https://www.aljazeera.com/sports/2021/7/11/euro-20... https://apnews.com/article/euro-2020-sports-health...